เมื่อปี พ.ศ. 2560 สวนนงนุช ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากเว็บไซต์ Earth&World จัดอันดับให้สวนนงนุช ติด1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก ยกให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนที่สวยงาม มีไม้ดอกไม้ประดับมากมายหลายร้อยสายพันธุ์ และชื่นชมยกย่องในความสวยงามของสวนนงนุช ว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนที่สวยงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งในขณะนั้นมีพันธุ์ไม้มากถึง 670 ชนิด เป็นพันธุ์ไม้ดอกพื้นเมืองของประเทศไทย
นอกจากที่สวนนงนุชจะมีไม้ดอกมากมายแล้ว ยังมีต้นไม้ตัวอย่าง อาทิ ไม้ตระกูลตะบองเพชร, บอนไซ, เฟิร์น, และกล้วยไม้ อีกด้วย ในขณะที่มีหลายเว็บไซต์ได้มีการนำความมหัศจรรย์ความสวยงามของสวนสวนนงนุช ที่ได้มีการถูกจัดอันดับระดับโลกไปแผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ที่ผ่านมา สวนนงนุช ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2563 หลังสถานการณ์ ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) หรือ "โควิด 19" ระบาดในประเทศไทย เริ่มคลี่คลายลง บรรยากาศในภาคธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มคึกคักอีกครั้ง ตามที่สถานที่ท่องเที่ยวเริ่มมีนักท่องเที่ยวออกมาท่องเที่ยวและใช้บริการมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมที่สวนนงนุช จะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงมากมาย ที่เรียกว่า New Normal New Nongnooch Garden (นิว นอร์มัล นิว สวนนงนุช) หลังสถานการณ์ โควิด-19
โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช พัทยา บอกว่า ในช่วงที่ปิดให้บริการนักท่องเที่ยวช่วงโควิด 19 ภายในสวนนงนุชยังคงทำงาน เดินหน้าปรับเปลี่ยน เนรมิตสวนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่าง "สวนพญาคชสาร" จำนวน 53 เชือก จำลองจากของจริง บนเนินเขาที่ประดับด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์ จุดเช็กอินใหม่ของสวนนงนุชพัทยา เปิดตัวไดโนเสาร์ไทย 12 สายพันธุ์ ที่พบในไทย ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน และพร้อมเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว