Musa (กล้วยประดับ) และ Heliconia (เฮลิโคเนีย)

Musa (กล้วยประดับ) และ Heliconia (เฮลิโคเนีย)

กล้วยประดับ และ เฮลิโคเนีย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์
 :  
Heliconia
วงษ์
 :  
HELICONIACEAE
ลักษณะ
 :  
ไม้พุ่มอายุหลายปี สูง 2-3 เมตร มีหัวใต้ดิน ลำต้นเทียมเกิดจากใบที่ซ้อนเกยกันแบบกาบกล้วย เจริญเติบโตแบบแตกกอ
ใบ
 :  
ใบเดี่ยว เรียงสลับตรงข้าม รูปคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 20-75 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง ไม่มีขน แผ่นใบสีเขียว เห็นเส้นใบขนานแบบขนนกชัดเจน ก้านใบสีเขียวหรือสีแดง
ดอก
 :  
ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกตั้ง ดอกสีเขียวเข้ม กาบรองดอกขนาดใหญ่ 3-6 อัน สีแดง ขอบสีเขียวปนเหลือง เรียงซ้อนเกยสลับกัน โคนด้านในเหลือง กลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยก 3 แฉก เกสรเพศผู้ 6 เกสร  
 
การดูแลรักษา
 
ดิน
 :  
ดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ต้องการน้ำมาก ทนน้ำท่วมขัง ชอบแดดรำไรหรือเต็มวัน
การขยายพันธุ์
 :  
เพาะเมล็ด แยกหน่อ
ประโยชน์
 :  
ปลูกเป็นไม้ประดับสวน หรือริมน้ำ ไม้ตัดดอก

 

Musa  กล้วยประดับ เป็นไม้ผลเขตร้อน มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย  ในสวนนงนุชเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์กล้วยที่สำคัญ ซึ่งมีพันธุ์กล้วยทั้งหมด 450 สายพันธุ์ ซึ่งสวนนงนุชถือได้ว่าเป็น (Field Gene Bank)  เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์กล้วยที่ปลูกลงดินมากที่สุดในโลก

 

Heliconia  เฮลิโคเนีย เป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายกล้วย มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง,อเมริกาใต้ และเกาะต่างๆในมหาสมุทรแปซิฟิก สมาคมเฮลิโคเนียโลกได้มอบให้สวนนงนุชเป็นแหล่งเก็บรวบรวมสายพันธุ์เฮลิโคเนียจากทั่วโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 - ปัจจุบัน ทำให้สวนนงนุชสามารถเก็บรวบรวมชนิดและสายพันธุ์เฮลิโคเนียไว้มากถึง 508 สายพันธุ์จากทั้งหมด 600 สายพันธุ์

 

 

CONTENT NONGNUCH

RELATE CONTENT

สวนนงนุช